วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระกรุ วัดชะเมา(วัดประตูเขียน)

พระยอดธง กรุวัดชะเมา


พระกรุ... เป็นที่ฮือฮาว่ามีกรุแตกล่าสุดที่วัดชะเมา พระที่พบส่วนใหญ่เป็นพระยอดธง ดูจากพุทธศิลป์แล้วเป็นศิลปสมัยอยุธยาตอนต้น เนื้อเป็นโลหะสัมฤทธิ์ แก่ทอง สุกสวยมาก คราบกรุเกาะเขียวทั้งองค์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 300-400 ปี มีผู้สันทัดกรณีให้ท้ศนะว่าน่าจะเป็นพระที่พระเอกาทศรถนำมาจากอยุธยา ในตอนบูรณะพระธาตุครั้งแรก ส่วนในเรื่องพุทธคุณของพระยอดธงนั้น ต้องยกให้เป็นสุดยอดบารมีอำนาจ มีชัยชนะเหนือเหล่าศัตรู คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มีคนเคารพยำเกรง
       นอกจากนี้ยังมีที่พระยอดธงที่เป็นองค์ทองคำลงยา และ ที่เป็นทองคำทั้งองค์ ส่วนที่เป็นองค์สัมฤทธิ์เมื่อล้างคราบกรุออกแล้วต้องยอมรับว่าเป็นพระยอดธงที่สวยและสมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน









 


 

สนใจโทรถาม ...  081-5377558

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระกรุ วัดบางจาก

พระกรุ สมเด็จวัดบางจาก

พระกรุ.....ไม่น่าเชื่อว่าที่วัดบางจาก จังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีพระสมเด็จที่มีความงดงาม คราบกรุดูเก่าแก่ ลึกลับ เข้มขลัง มีมนต์เสน่ห์ 
น่าสะสม ใกล้เคียงกับพระสมเด็จแท้ วัดระฆัง หรือวัดบางขุนพรหม 
ของ  ท่านพุทธจารย์โตพรหมรังษี  ส่วนราคาอยู่ที่หลักหมื่นต้น ๆ
พอหาเก็บได้ ครับ    โทรถาม ...081-5377558




(A1)







(A2)






(A3)







(A4)







(A5)








(A6)






(A7)




ประวัติที่มามีหลายกระแส แต่มีอยู่กระแสหนึ่งที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้กันในหมู่นักเลงพระและผู้คนแถบย่านนั้นก็คือ....

                 เมื่อครั้งสร้างโบสถ์เก่าวัดบางจากปี พ.ศ. 2496 ได้มีการนำพระสมเด็จวัดระฆังสร้างใหม่ในเวลานั้นส่วนหนี่ง และพระจากที่อื่น ๆ อีกหลายแห่ง  มาบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธาน ต่อมาปี พ.ศ. 2511 ได้ทำการรื้อโบสถ์เก่าสร้างโบสถ์ใหม่ และทำการย้ายพระประธานเก่ามาไว้ให้ประชาชนได้สักการะบูชาด้านหน้า จนเป็นเหตุให้ได้พบพระกรุนี้    ในช่วงเวลานั้นไม่ใคร่มีใครสนใจพระกรุนี้มากนักจนกระทั่งพบว่า มีความแตกต่างระหว่างพระที่บรรจุอยู่ในกรุ และจากการสอบถามคนเก่าแก่ที่เกี่ยวข้องในตอนนั้น จึงทราบว่าพระกรุนี้มีส่วนหนึ่งเป็นพระสมเด็จที่มาจากวัดระฆัง..........

               

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระกรุ วัดท่าเรือ

พระกรุ วัดท่าเรือ
พระนางตราท่าเรือ

พระกรุ... นางตราท่าเรือ (เนิ้อดินเผา) พิมพ์นาคปรก เป็นอีกหนึ่งสุดยอดพระกรุเมืองใต้ ของจังหวัดนครศรีธรรมราช  อายุ ประมาณ 700 ปี เชื่อกันว่าเป็นพระจากวัดนางตราที่นำมาบรรจุไว้ที่กรุวัดโพธิ์ร้าง       วัดท่าเรือในปัจจุบัน) จึงเรียกขานกันว่า พระนางตราท่าเรือ พุทธศิลป์สวยงาม พุทธคุณเข้มขลัง ครบเครื่อง มีผู้พบเห็นน้อย      ของแท้จริง ๆ หายาก

ราคาองค์ลักษณะนี้อยู่ที่หลักแสนต้น ๆ ครับ








 โทรถาม  081-5377558


วัดนางตรา หรือวัดพะนังตา ตั้งอยู่ที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช นับเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของภาคใต้ที่มีพระกรุเก่าแก่ ซึ่งมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมสะสมอย่างกว้างขวางในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่องพระบูชา ที่รู้จักมักคุ้นกันในชื่อ "พระกรุวัดนางตรา"

ตามประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราชกล่าวว่า "วัดนางตรา" นี้ สร้างโดยพระนางเลือดขาว ผู้เป็นบุตรีของคหบดีย่านหมู่บ้านป่อล้อ (ปัจจุบันอยู่ใน ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่) เป็นหญิงที่เพียบพร้อมด้วยลักษณะเบญจกัลยาณี คือ ใบหน้างาม เนื้องาม นมงาม นิ้วงาม และน่องงาม มีอุปนิสัยเยือกเย็น สุขุม มีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และยังมีจิตใจเป็นกุศล ชอบการทำบุญทำทาน ช่วยเหลือเกื้อกูลบุคคลต่างๆ อยู่เป็นเนืองนิจ ต่อมาได้เป็นพระมเหสีเอกของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เจ้าแห่งราชอาณาจักรตามพรลิงค์ เล่ากันว่าที่มีพระนามว่า "พระนางเลือดขาว" เนื่องด้วยโลหิตที่ไหลจากดัชนีนางของพระนางเมื่อคราวไปช่วยงานบวชนาคครั้ง ยังไม่ได้เป็นพระมเหสีเอกนั้น แทนที่จะเป็นสีแดงกลับเป็นสีขาวอย่างน่าประหลาด เมื่อทรงเป็นพระแม่เมือง พระมเหสีเอกของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช จนถึงกาลมัชฌิมวัย พระองค์ก็ยังไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาเพื่อสืบสันตติวงศ์ จึงเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลลาออกจากตำแหน่ง และใช้ชีวิตในช่วงปัจฉิมวัยในการสร้างบุญกุศลอุทิศชีวิตให้พระบวรพุทธศาสนา โดยทำการบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างวัดขึ้นมากมายทั่วเขต จ.นครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่จะสร้างทับลงในบริเวณที่เป็นเทวาลัยเก่าของศาสนาพราหมณ์ เพราะในต้นยุคสมัยศรีวิชัยคนพื้นเมืองของอาณาจักรตามพรลิงค์ล้วนนับถือศาสนา พราหมณ์ อาทิ วัดแม่เจ้าอยู่หัว เป็นวัดแรก สร้างที่บ้านเกิดของพระนางใน อ.เชียรใหญ่ วัดเขาพระทอง อ.ชะอวด วัดถ้ำเขาแดง อ.ร่อนพิบูลย์ วัดสระโนราห์ อ.ทุ่งสง ฯลฯ รวมทั้ง "วัดพระนาง" ที่ อ.ท่าศาลา และในทุกๆ วัด ล้วนเคยขุดพบพระพิมพ์ทั้งเนื้อดิน ชิน ทอง เงิน และสัมฤทธิ์ เป็นพระเครื่องและพระบูชามากมาย เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาตามคติความเชื่อ ซึ่งนับเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ของพระนางเลือดขาว

สำหรับชื่อ วัดนางตรา มาจากที่วัดนี้อยู่ใกล้แม่น้ำท่าสูง ในฤดูฝนน้ำจะท่วมบริเวณวัด พระนางจึงสั่งให้สร้างทำนบกั้นน้ำหรือพนังกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า วัดพะนังตรา หรือวัดนางตรา  สืบมาถึงปัจจุบัน และจุดสุดยอดของวัดนี้ก็คือ
พระกรุนางตราพระนางตรา
พระกรุนางตราที่แตกกรุ ออกมา มีพุทธศิลปะแบบศรีวิชัยยุคกลาง มีอายุประมาณปี พ.ศ.1500-1600 สร้างก่อนอาณาจักรละโว้หรือลพบุรี เป็นพระเนื้อดินเผาผสมว่านยา สีออกน้ำตาลแก่ ดำอมเทา หรือเหลืองมันปู ที่เป็นเนื้อชินมีน้อยมาก และมีมากมายหลายพิมพ์ทรง เช่น พิมพ์สามเหลี่ยมปาฏิหาริย์ พิมพ์ซุ้มปรางค์ พิมพ์ยืนประทานพร ฯลฯ แต่ที่เป็น "พิมพ์นิยม" และเป็นพระพิมพ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของภาคใต้ก็คือ พิมพ์นาคปรกใหญ่ เป็นพระทรงสี่เหลี่ยม พระประธานประทับนั่งสมาธิ แสดงปางนาคปรก มีลักษณะพิเศษที่ใต้ฐานนาคจะมีพระองค์เล็กประทับอยู่อีกหนึ่งองค์

จากประสพการณ์ผู้เขียน พบพระลักษณะนี้ในองค์พระศิลปขอมลพบุรี
ด้วยครับ ....... 

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระกรุ วัดท่าเรือ พิมพ์ปรกโพธิ์ ซุ้มเรือนแก้ว

พระกรุวัดท่าเรือ ปรกโพธิ์ ซุ้มเรือนแก้ว พิมพ์เล็ก เนื่อชิน


พระกรุ ...หนึ่งในพระชุดไตรภาคี พระเครื่องยอดนิยมอันดับหนึ่งของเมืองนครศรี ธรรมราช สมัยเมื่อ 20-30 ปีมาแล้ว ที่กล่าวขวัญกันในวงการนักเลงพระยุคนั้นว่า "ท่าเรือ นางตรา นาสนธิ์" คือ พระพิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ใหญ่ กรุวัดท่าเรือ พระพิมพ์นาค ปรกใหญ่ กรุวัดนางตรา และพระพิมพ์ใบพุทราหรือพิมพ์ยอดขุนพล กรุวัดนาสนธิ์ ณ ปัจจุบันยังคงเป็นที่นิยมสูงและเสาะแสวงหากันอยู่ แต่ค่อนข้างหาดูได้ยากกว่าแต่ก่อนมาก
และที่ชมอยู่นี้ก็คือ พระท่าเรือ ซุ้มชินราชปรกโพธื พิมพ์เล็ก เนื้อชิน  (หายากครับ) พุทธคุณในด้านปกปักรักษา ป้องกันภยันตรายทั้งปวง แคล้วคลาดปลอดภัย น่ามีไว้เป็นพุทธบุชา
 สนใจบุชาในราคา 150,000 บาท  โทร ..081-5377558

วัดท่าเรือ(วัดโพธิ์ร้าง) ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนาฏศิลป์ เมืองนครศรีธรรมราช แต่จากหลักฐานในหนังสือใบลานผูก เขียนแบบสมุดข่อย ซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นโดยบัณฑิตในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรี อยุธยา ระบุว่าวัดท่าเรือ หรือวัดท่าโพธิ์ นี้ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราช โดยพระองค์ทรงสถาปนาวัดท่าเรือร่วมกับพระภิกษุชาวลังกา เพื่อประดิษ ฐานวิหารพระเจดีย์ รวมทั้งสร้างพระพิมพ์ ขนาดต่างๆ ขึ้น เพื่อฉลองสมโภชพระมหาเจดีย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.1773

นอกจากนี้ ยังใช้เป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันอันตรายแก่ผู้ที่อาราธนาติดตัว โดยเฉพาะผู้มีหน้าที่ป้องกันชาติบ้านเมือง พระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมาโศกราชทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกลที่จะให้ชนรุ่นหลังผู้ทำหน้าที่รักษาบ้านเมือง ได้นำติดตัวออกไปป้องกันภัยเมื่อยามจำเป็น จึงทรงผูกลายแทงไว้คู่กับวัดท่าเรือ ...

ต่อมาทวดศักดิ์สิทธิ์ วัดศาลามีชัย ได้แก้ลายแทงขุมทรัพย์วัดท่าเรือให้เจ้าพระยานคร (น้อย) และให้ทหารขุดเอาพระกรุท่าเรือไปป้องกันตัวในสงครามปราบกบฏเมืองไทรบุรี-กลันตันเป็นครั้งแรก ในปลายสมัยรัชกาลที่ 2 พระกรุวัดท่าเรือได้แสดงปาฏิหาริย์สามารถประกาศชัยชนะสยบศัตรูได้อย่างราบคาบ เจ้าพระยานคร (น้อย) ได้รับความดีความชอบเลื่อนยศขึ้นเป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช (น้อย) องค์สุดท้ายของประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช

หลังจากนั้นได้อาราธนาพระกรุท่าเรือติดตัวในการทำสงครามอีกหลายต่อหลายครั้ง อาทิ สงครามมหาเอเชียบูรพา ปี พ.ศ.2484 เหล่าศัตรูเกรงขามในความคงกระพันชาตรีของทหารเมืองนครศรีฯ เป็นอย่างมาก แต่ในสมัยก่อนนั้น เมื่อเสร็จสิ้นสงครามแต่ละครั้งเหล่าทหารก็จะนำพระกลับไปคืนเก็บไว้ที่วัดดังเดิม โดยใส่ไหใส่ตุ่มฝังไว้บ้าง โยนไว้แถวเจดีย์ ใต้ต้นไม้ หรือบริเวณลานวัดบ้าง ด้วยยังเชื่อถือกันเคร่งครัดว่าพระต้องอยู่วัดเท่านั้น

กาลเวลาผ่านพ้นไป วัดท่าเรือได้แปรสภาพเป็นวัดที่รกร้างมาเป็นเวลายาวนาน ศาสนสถานและศาสนวัตถุต่างๆ ปรักหักพังเสื่อมโทรม องค์พระที่ทับถมอยู่ตามบริเวณต่างๆ ภายในวัด จนเมื่อกรมศิลปากรทำการปรับที่ดิน เพื่อสร้างวิทยาลัยนาฏศิลป์ประมาณปี พ.ศ.2519 ได้ขุดพบซากพระอุโบสถและอื่นๆ ตามที่ระบุในใบลานทุกอย่าง รวมทั้ง พระกรุวัดท่าเรือ เมื่อพุทธคุณเป็นที่ปรากฏก็ยิ่งเป็นที่สนใจแสวงหากันเพิ่มยิ่งขึ้น สนนราคาก็ขึ้นสูงตาม

พระกรุวัดท่าเรือที่ค้นพบส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อดิน มีทั้งเนื้อหยาบและละเอียด มีแร่กรวดทรายผสมอยู่ค่อนข้างมาก ที่เป็นพระเนื้อชินมีเป็นส่วนน้อยมาก ลักษณะพุทธศิลปะเป็นแบบอยุธยาตอนต้น มีด้วยกันหลายพิมพ์ทรง อาทิ พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ใหญ่, พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์เล็ก, พิมพ์วงเขน, พิมพ์ตรีกาย และพระปิดตา เป็นต้น


แต่ที่นับว่าเป็น "พิมพ์นิยม" ได้รับการยอมรับและจัดให้เป็นพระอันดับหนึ่งในพระชุดไตรภาคี คือ "พิมพ์ปรกโพธิ์ พิมพ์ใหญ่" หรือ "พระซุ้มชินราช พิมพ์ใหญ่" ลักษณะองค์พระตัดกรอบแบบสี่เหลี่ยม พุทธลักษณะงดงามสง่า องค์พระประธานประทับนั่ง แสดงปางสมาธิ บนฐานบัวสองชั้น อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วแบบซุ้มชินราช มีปรกโพธิ์ปกคลุมเหนือซุ้ม บางครั้งจึงเรียกว่า "พระซุ้มชินราช" ครับผม

จากประสพการณ์ผู้เขียน..... พบว่ามีพระลักษณะเดียวกันนี้ที่มีขนาดใหญ่เท่า"พระซุ้มชินราช พิมพ์ใหญ่"  



วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระกรุ วัดนางตรา พิมพ์ซุ้มประตูประทานพร

พระกรุ นางตรา พิมพ์ซุ้มประตูประทานพร
ของแท้ ๆ หาดูยากสุด ๆ ต้ององค์นี้ ครับ .....

พระกรุ สุดยอดของเมืองใต้ พระนางตราพิมพ์ซุ้มประตูประทานพร อายุพันปี 
พุทธศตวรรษที่ 15 ปกติในแต่ละกรุจะมีพระพิมพ์ซุ้มประตูประทานพรนี้อยู่ประมาณ 4-8 องค์
เจ้าของขออนุโมทนา... สำหรับผู้มีบุญบารมีร่วมทำบุญในราคาเพียง 2,000,000 บาท 
ของแท้หาได้ยากจริง ๆ  องค์พระมีลักษณะเปลี่ยนเป็นหินแข็งเพราะความเก่าแก่
ของแท้มีประวัติแน่นอน ....ประวัติวัดนางตรา
พระกรุ.. พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช อดีต ผู้บังคับการตำรจภูธรเขต 8 ซึ่งเป็นนายพลตำรวจมือปราบจอมขมังเวทย์และเป็นที่เกรงกลัวของโจรร้ายในอดีต เป็นผู้มีความรู้ด้านคาถาอาคม มีพระนางตราอยู่ในครอบครองหลายพิมพ์ เช่น พิมพ์นาคปรก  พิมพ์พระรอด พิมพ์ผานไถ พิมพ์วงเขนและพิมพ์ซุ้มประตูประทานพร ซึ่งเป็นพิมพ์ที่หายาก ท่านขุนพันธ์ฯ เล่าว่าจะแขวนพระนางตราเป็นพระประจำตัว เมื่อออกพื้นที่ปราบปรามโจรผู้ร้าย ทั้งนี้ได้รับประสบการณ์ตรงหลายครั้งจนเชื่อว่า เป็นพระที่คุ้มครองให้ปลอดภัยและอยู่ยงคงกระพัน เมตตามหานิยมสูงสุด




สนใจติดต่อ 081-5377558

พระกรุ นางตรา พิมพ์ซุ้มประตูประทานพร