วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กรุวัดชะเมา ศิลปะลพบุรี

๒-๓ อาทิตย์นี้เราวนเวียนอยู่กับศิลปะลพบุรี ดูข้อมูลเพิ่มเติม
กันเป็นส่วนใหญ่ครับ...


วันนี้มีนักขุดข้างวัดพาลูกพี่มาหา  

เอาพระร่วงนั่งกับพระร่วงยืนมาให้
คราบเขียวสนิทดีจริง ๆ 
องค์ยืนดูแปลกตามาก  สูง ๕ ซ.ม.
องค์นั่ง สูง ๔.๕  ซ.ม. ทั้งหนาและหนัก 
ลองเช็ดด้านหลังดู น่าจะแก่ทองครับ


พบที่เดียวกันกับบริเวณที่พบพระพุทธเทวฤทธิ์์
ซึ่งเป็นบริเวณรอบ ๆ ด้านในกำแพงหลังวัด
สันนิษฐานว่า ทั้งพระและโบราณวัตถุ
อาจกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
ทั้งในบริเวณวัดและนอกวัด
ซึ่งชุมชนหลังวัดอาจจะมีชุมชนโบราณ
เคยอาศัยอยู่เมื่อ ๑,๐๐๐ ปีที่แล้วถูกฝั่งอยู่.....


โปรดติดตามตอนต่อไปครั้งหน้า
กำลังรอข้อมูลเพิ่มเติมครับ....



วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระบูชา ศิลปะลพบุรี

เมื่อคราที่แล้วเราได้ชมพระบูชา เทริดขนนก ทรงเครื่อ

"พระพุทธเทวฤทธิ์"  สมัยพระนางจามเทวี
แห่งอาณาจักรหิริภุญไชย  กันไปแล้วนะครับ....
ซึ่งผมถือว่าเป็นองค์พี่  

วันนี้ขอนำ้เสนอ องค์น้องครับ... 
บ้างก็ว่าเป็นพระยอดขุนพล 
บ้างก็ว่าเป็นพระร่วง ทรงเครื่อง ปางมารวิชัย
หน้าตัก ๖ นิ้ว ศิลปะลพบุรีเหมือนกันเลยครับ.......

ประวัติที่มายังไม่ชัดเจน
แต่มีเพื่อนเรียกร้องอยากชม
จึงขอนำลงเอาใจแฟนคลับกันหน่อย....



รูปด้านหน้าครับ





รูปด้านหลังครับ





รูปใต้ฐานองค์พระครับ


  

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระกรุวัดชะเมา

กว่าจะเตรียมรูปเสร็จ...
กว่าจะรอนักขุดให้ปากคำ
กว่าจะรอคำยืนยันจากเจ้าของเดิม...
กว่าจะรอผู้รู้ให้ความคิดเห็น...
 ..... เชิญรับชมกันได้เลยครับ



พบในโพรงพระสูงบริเวณช่องแขน
ผู้รู้ว่าน่าจะเป็นพระเทริดขนนก(ยืน)
ศิลปทวารวดี ปางไม่ทราบครับ...

แต่ลักษณะเหมือนถือใบบัวกำลังรดน้ำ...




ชิ้นนี้ไปเที่ยวอยู่แถวพัทลุง ครับ.....




ชิ้นถัดมาเป็น  มณีนาคราช ครับ...

พบในบาตรบริเวณช่องท้องขององค์พระสูง ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่ามีหลายร้อยเม็ด ผู้เขียนเองก็เคยเห็นบ้างในตอนแรกมีผู้นำมาขายอยู่หลายเม็ด จำได้ว่ามีสีแดง สีน้ำเงิน สีขาว และสีม่วง ตอนนั้นรู้สึกไม่สนใจ ไม่รู้ว่าคืออะไร กว่าจะอยากได้ก็เหลือเม็ดที่เห็นนี้แหละเป็นเม็ดสุดท้าย ว่ากันว่าสีม่วงมีพลังเร้นลับ ป้องกันภูตผีปีศาจและคุณไสย์ได้ดีนัก เสริมพลังในตนเองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ส่วนสีอื่นๆหาอ่านได้ที่...ความหมายของสีเพชรพญานาค



                                                          ม่วง ปลอดภัย ภูติผียำเกรง




มณีนาคราชมี 3 แบบครับ
1.แบบลูกแก้วเสด็จหรือแก้วมณีโชติ อันนี้ต้องผู้มีบุญวาสนาจริงๆครับถึงได้ครอบครอง


2.ลูกแก้วเทวตาพลี เป็นลูกแก้วที่ถวายให้กับเทวดาหรือพญานาคด้วยการฝังไว้ใต้ดิน ในถ้ำ ในน้ำ และหว่านไปในอากาศ ลูกแก้วชนิดนี้ สามารถไปอัญเชิญมาได้ไม่จำเป็นต้องมีบุญขอให้มีสัจจะ เช่น ขอไปสร้างวัดสร้างบุญ 


3.ลูกแก้วเสก เป็นลูกแก้วธรรมดาแต่นำไปขอเมตตาจากครูบาอาจารย์ที่มีฤทธิ์ ก็จะบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

ลูกแก้วมีไว้ทำไม
บางท่านอย่ามีเพราะเห็นคนอื่นมีแต่ไม่รู้ว่าเอาไปทำไม
1.ใช้บรรจุในเจดีย์ พุทธรูป เทวรูป
2.ใช้ทำสมาธิ
3.ใช้เสริมบารมี
4.ใช้แก้ฮวงจุ๊ย
5.ใช้ฝังฐานเสาเอก ฝังสนามหญ้า เพื่อเสริมศิริมงคล

ลูกแก้วเป็นความเชื่อที่มีในทุกศาสนาและมีมานับหมื่นปี แต่การจะเชื่อสิ่งใดขอให้อยู่ในรากฐานของเหตุและผล ปัจจัย ความเชื่อ ความศรัทธามีได้ แต่อย่าเลยไปเป็นความงมงาย




มีมาเพิ่มอีกแล้วครับ คนขุดบอกว่าเฉพาะในส่วนที่เขาขุดได้
มีทั้งหมด ๔๖ เม็ดแจกจ่ายไปกับเพื่อน ๕ - ๖ คน






                       (สองเม็ดต่อไปนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านปลัดและภรรยาครับ...)



แดงบารมีอำนาจ




ชมพูเสน่ห์รัดรึงใจ





คู่นี้เสริมวาสนาบารมีกันจริง ๆ ครับ.....





๒ เม็ดนี้เป็นรูปทรงหยดน้ำ ครับ....

ถ้าคุณเป็นนักสะสมตัวจริงต้องมีทุกสีอย่างนี้ครับ...

ของวิเศษย่อมจะเลือกผู้ที่จะอยู่ด้วย ......


ตำนานการก่อเกิดมณีใต้น้ำ
นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล ด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาโพธิสัตว์ เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพัท” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียก ใครใคร่ไม่เปียกก้ไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป เทื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพุธาบางส่วนได้ประมวลตัวธาตุดึงดูดธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างจนถึงนครใต้บาดาลดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่าง อัญมณีพลอย อันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ต่าง หาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมือง นามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของต้นอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์การณ์อันอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา และได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน “จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขาลตายลง (ขอเว้นในเหตุของกฏแห่งกรรมทีทำให้กำเนิดเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์) ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล่วงหน้าถึงการก่อกำเนิดแห่ง เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้หน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันนทโทผู้เป็นใหญ่ ได้แสดงฤิทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปัฐพีมาดูต้นเหตุอัศจรรย์อันที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพี้นพิภพใต้บาดาล ท่านพญานาคราชสุนันนทโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิงสถิตย์พักอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดา อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำที่ลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้นำไปประดิษฐสถานเอาไปไว้แอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

มณีใต้น้ำ เพชรพญานาค เป็นหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง หรือ ตามถ้ำริมแม่น้ำโขง จากเรื่องราวของแก้มังกรหรือแก้วกายสิทธิ์ของนาคราชแห่งเมืองบาดาล เรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นแก้วสารพัดนึก แก้วกายสิทธิ์อันหาได้ยาก เรื่องราวที่เล่าขานจากรุ่นปู่รุ่นย่าถึงอภินิหารแห่งของกายสิทธิ์ชนิดนี้
ที่มาของแก้วกายสิทธิ์จากเมืองบาดาลนี้ตามแต่โบราณหรือที่มาในยุคต้นๆ นั้นของเพชรพญานาคมาจากการที่ทางวัดพระธาตุมหาชัยได้มีการพบแก้วปะกำหรือเพชรพญานาค โดยมีญาติโยมบางท่านนำมาถวายและได้ทำการบรรจุไว้ในเจดีย์พระธาตุมหาชัยเรื่องราวในครั้งนั้นได้จุดประกายเรื่องราวเพชรเมืองบาดาลให้ตื่นเต้นและยังทำให้หลายท่านต้องการครอบครอง ต่อมาไม่นานได้มีข่าวของฆราวาสนักบุญผู้หนึ่งซึ่งมีการให้บูชาเพชรพญานาคของดีจากเมืองบาดาล โดยมีเจ้าศรีสุทโธเป็นผู้อนุญาตให้นำออกมาสู่โลกมนุษย์ได้เพื่อจะได้คนศรัทธามาทำบุญกันทราบว่าเมื่อแรกนั้นเพชรพญานาคก้อนนึงตกราคาเป็นแสนทั้งนี้มีข้อมูลอีกว่าได้มีการจำแนกสรรพคุณของเพชรกายสิทธิ์ล้ำค่านี้ตามสีสันที่พบเจอโดยแบ่งออกเป็น ๗ - ๙ สี ดังนี้ คือการแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของเพชรนาคา สามารถแบ่งออกได้คือ1.สีนำเงิน วรรณะกษัตริย์ 2.สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์ 3.สีเขียว วรรณะนักบวช,ผู้ทรงศีล 4.สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล 5.สีม่วง วรรณะขุนนาง 6.สีขาว วรรณะ กลาง 7.สีเหลือง,สีส้ม,สีชมพู่ วรรณะทั่วไป

ความหมายตามสีสันของเพชรนาคา ก็คือ
1.สีขาว หรือแก้วใส หมายถึง พลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิ ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาป มีสติเป็นผู้รู้(เกิดปัญญา)เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวรวนเรไม่มีความมั่นใจ

2.สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญเด็ดเดียวความคิดฉับไหวเฉียบคมดุดัน ตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมายทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขาม ผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี”สติ”รู้เท่าทันอารมณ์มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้นทั้งตนเองและผู้อื่น สีแดงเป็นสีที่บ่งบอกถึง”โทสะจริต”ที่มีความต้องการให้ทันอกทันใจรวดเร็ว บางครั้งไม่เป็นตามที่เราต้องการก็จะเกิดอารมณ์โมโหโกรธขึ้นมานี้ละตัวร้าย ยิ่งเพชรนาคาที่มีสีเข้มขึ้นมากเท่าใดยิ่งจะมีพลังทางลบมากเท่านั้น มันจะเผาผลาญทั้งกายและจิตใจให้เกิดความหม่นหมองมืดมัวเศร้าสร้อยไปทางทุคติที่ไม่ดี
2.1.สีแดงพิเศษ…จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาวประมาณ 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่พลังอานุภาพฤทธิ์อำนาจสูงกว่าสีปกติมาก เพราะจะเป็น”เพชรนาคาสีแดงขอบดำ”ครูบาอาจารย์บอกว่า”เป็นพลังอนันตจักรวาล” ผู้ที่สามารถที่จะครอบครองได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมมาจากอดีตชาติไว้มากหรือและต้องเป็นผู้ที่มี”จิต”เป็นฤทธิ์เดชตบะมหาอำนาจที่ฝึกฝนมาทางนี้ มิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะรองรับพลังอานุภาพของเพชรนาคาที่มีพลังอนันตจักรวาลได้


3.สีเขียว  หมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตาเย็นกายเย็นจิต มีเดช ตบะบารมีของผู้ทรงธรรมที่มีจิตสัมผัสทาง

โลกลี้ลับเหล่าเทพพรหมเทวดา มีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัว ทำให้จิตมีความสงบเยือกเย็นมั่นคงแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านมาจากเพชรนาคาจนเย็นยะเยือก เป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไร เป็นเหตุที่เกิดมาจากการบำเพ็ญเพียรตบะบารมี”สัจจะอธิษฐาน”ที่ไม่พูดปดมดเท็จหลอกลวงตลบแตลง และเป็นสีของกายทิพย์ผู้เป็นจอมเทพใหญ่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรที่มีอำนาจฤิทธานุภาพจ้าวแห่งสรวงสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


4.สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศีสีที่แสดงถึงความมั่งคั่งมีโชคมีลาภไหลมาเทมา มีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง”ทองคำ”ที่มีคุณค่าในตัวเอง กระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น เป็นกระแสที่ทำให้น่าเกรงขามเคารพศรัทธาในความมีสง่าราศีดังเจ้าขุนคุณนายเจ้าพระยาผู้มีศักดิ์มีศรี จะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น

หมายเหตุ…ผู้ใดได้เพชรนาคาสีเหลืองไว้ครอบครองจะต้องมีจิตใจที่ชอบทำบุญทำทานเป็นนิจวัตร มีน้อยทำน้อยมีมากเท่ามากตามกำลังของตนเองและต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ยิ่งจะส่งผลให้เกิดกระแสแห่งทานบารมีที่บริสุทธิ์ส่งเสริมพลังเพชรนาคาสีเหลืองและองค์เทพที่รักษาดูแลมีบุญบารมีเพิ่มขึ้น

5.สีส้ม  หมายถึงพลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่างๆ เป็นพลังที่มีความคิดเด็ดเดียวกล้าหาญกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเผชิญและเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ายุติธรรมไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เป็นกระแสพลังที่ป้องกันและลดสลายอุปสรรคพลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบ กระทำให้บุคคลใดผู้ใดที่คิดจะมาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ตนเองไปในที่สุด มีเทพที่มีคุณธรรมดูแลปกปักรักษา และเป็นสีแห่ง”พระบารมีขององค์พระสยามเทวาธิราช”องค์มหาเทพที่ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองประเทศชาติ,ศาสนา,พระมหากษัตริย์ จากภัยอันตรายจากศัตรูผู้ไม่เป็นมิตรที่คิดมากระทำย้ำยี


6.สีม่วง หมายถึง พลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้ ดังคำว่า”รู้หน้าไม่รู้ใจ” เกี่ยวข้องจิตวิญญาณโอปาติกะภูติผีปีศาจทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีกระทำไม่ดี เหมือนมีพลังลึกลับจ้องมองอยู่ ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึงมีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ ป้องกันภูติผีปีศาจคุณผีคุณคนคุณไสยการกระทำย้ำยีต่างๆให้เสื่อมสลายหายไป และเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ

หมายเหตุ…บุคคลที่มีวาสนาครอบครองเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเป็นคนที่มีพลังลึกลับหรือมีสัมผัสพิเศษเรื่องลึกลับบางคนอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้และเป็นคนที่ช่างคิดช่างตรึกตรองเจ้าวางแผน ถ้ามีมากจนกระทั่งออกไปทางหน้ากลัว อาจจะเกิดผลเสียหรือเกิดพลังที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ควรที่จะฝึกปฏิบัติจิตให้มีความเมตตาหนักแน่นปล่อยวางจากอารมณ์ที่มากระทบ ให้จิตมีแต่ความโปร่งใสบริสุทธิ์จะทำให้อานุภาพของเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเปล่งประกายออกมาครอบคลุมทั่วร่างตลอดเวลา เสมือนเกราะแก้วคุ้มครอง
6.1.สีม่วงพิเศษ… จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาว 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่มีพลังฤทธิ์อำนาจแห่งความลึกลับแห่งจิตวิญญาณโอปาติกะ ป้องกันอาถรรพ์การกระทำคุณไสยคุณผีคุณคนการกระทำย้ำยีต่างๆผูกพยนต์ฝังรูปฝังรอย ทำให้เกิดการสลายเสื่อมอานุภาพ ศัตรูหมู่มารต่างสยบไม่กล้าที่จะคิดร้ายกระทำไม่ดี มีอานุภาพแผ่พลังครอบคลุมเป็นปริมณฑลได้ทั้งบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่ผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองมีจิตสะอาดอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่เป็นหลัก ยิ่งที่เป็นผู้ที่ปฏิบัติทางจิตจะยิ่งเปล่งประกายของอานุภาพรัศมีกว้างขึ้น

7.สีฟ้า หมายถึง ถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน พูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก เป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย


8.สีน้ำเงินหมายถึง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมี เป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพมีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศ จะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น

หมายเหตุ…ผู้ที่บุญวาสนาได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่บุญวาสนาบารมีมาในอดีตชาติที่สร้างสมมานาน และต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์ที่ไม่ดีแก่ผู้ที่ครอบครองเกิดความวิบัติ อย่าหลงอดีตอย่าบ้าอำนาจอย่าอวดเก่งหลงตัวเอง จงทำจิตให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดคือการปล่อยวางจากกิเลสตัณหาอุปทาน


9.สีชมพู หมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยน มีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาด 

หมายเหตุ…ผู้ที่ได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดีงาม ไม่นำพลังไปใช้ในทางไม่ดีดัง”ปากหวานก้นเปรี้ยวเลี้ยวตลบแตลง”ยิ่งกระทำกับเพศตรงข้ามจนกระทั่งผิดศีลในข้อที่ 3 จนเกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ บั้นปลายท้ายสุดแล้วจะอเน็จอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างมาก เมื่อผลกรรมนั้นมาตอบสนอง
10.สีชา(สีพิเศษ)หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั่งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ ทำให้สติปัญญาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควรที่ตามไม่ทัน จนกระทำพลาดพลั้งผิดพลาดไปจนเกิดความเสียหาย เหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเสร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้ และมีความพิเศษก็คือจะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภอย่างที่คาดไม่ถึง ( เป็นสีที่หาพบได้ยาก )
สำหรับรูปพรรณสัณฐานนั้นของเพชรพญานาคที่ได้มาจากการทุบนั้นแบ่งออกได้หลายลักษณะได้แก่ ทรงกลมอย่างหนึ่ง ทรงรีบรูปหนำเลี้ยบ ทรงแบบคล้ายแก้วเลนส์ นอกจากทรงต่างๆ และสีดังกล่าวมาแล้ว บางครั้งเมื่อทำการทุบหินแก้วนาคราชออกมายังมีการพบวัตถุสีดำเนื้อคล้ายแก้วหรือโลหะ โดยหลายท่านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลเมืองบาดาลหรือเหล็กไหลนาคราชของดีหายากอีกอย่างหนึ่งที่ประเมินราคาไม่ได้
พุทธคุณเพชรพญานาคแบ่งได้เป็นสองประเภท  สองกลุ่ม  สังเกตได้จากสีของเพชรพญานาค  ประเภทแรกสีเข้ม  ไม่ว่าจะเป็น แดง  ม่วง  น้ำเงิน  เหลือง พวกนี้จะให้พุทธคุณด้านฤทธิ์อำนาจ ที่สองเป็นประเภท สีอ่อน หรือขาว ประเภทนี้ให้พุทธคุณด้านเมตามหานิยม  สี่สรรนั้นที่มีหลากสีนั้น  เป็นไปตามจริต เป็นไปตามนาคาแต่ละตนจะชมชอบและต้องการจะให้เป็นสีอะไรเหมือนการส่งรูปวาดดอกกุหลาบ  ให้แต่ละคนระบายสี  คนที่ชอบสีแดงก็จะระบายสีแดง  คนที่ชอบสีอื่นก็จะระบายสีอื่นเป็นต้น
พุทธคุณแห่งอัญมณีพญานาคหรือเหล็กใหลพญานาคานั้น  จะช่วยเหนี่ยวนำจิตของผู้คนวาสนาให้มีกำลังจะต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ป้องกันเภทภัยต่างๆ  สำหรับอัญมณีที่เป็น รูปทรง อวัยวะ และรูปทรงดอกบัว  น้ำเต้า  หรืออื่นๆ ท่านว่ามีฤทธิ์เดชมากกว่ารูปทรงที่เป็นเครื่องประดับ โดยเฉพาะรูปทรงของดอกไม้นั้น  แสดงให้เห็นถึงการเป็นวัตถุที่บูชาพระพุทธ  พระธรรม  และพระสงฆ์  และรูปทรงดอกบัวหมายถึงสิ่งที่ถวายบูชาแก่พระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ กล่าวกันว่า  พุทธคุณแห่งเพชรพญานาคและเหล็กใหลพญานาค  เป็นวัตถุที่เรียกว่าเป็นสิ่งสารพัดนึกหรือดูดทรัพย์นั้น ท่านว่าทั้งสิ้นเกิดแต่ความเย็น  ความเย็นแห่งเมตตาที่มีในจิตของพญานาคและขอกำชับอีกครั้งว่า เมื่อได้รับสิ่งมงคลที่ดีที่เขามอบให้แล้วก็อย่าลืมอุทิศส่วนบุญให้เขาด้วยเป็นการตอบแทน

คาถาบูชา อัญมณี นาคา
ตั้งนะโม 3 จบ  
เอหิสังคัง   ปิโยนาคะ  สุปันนานัง   มะยัง


และชิ้นต่อไปเหล่านี้จะเป็นส่วนที่นักขุดสมัครเล่นข้างวัดพบในบริเวณกำแพงทิศตะวันออกหลังต้นยางใหญ่      ซึ่งปัจจุบันจะเป็นเจดีย์บรรจุกระดูก เรียงรายเป็นแนวข้างกำแพง บริเวณนี้เองยังเป็นสถานที่ที่พบพระยอดธงที่เป็นแตกกรุชุดแรก ร้อยกว่าองค์ชนิดคราบกรุหนาเขียวเข็มขลัง ที่อยู่ในมือของใครหลายคนในปัจจุบัน 

 นอกจากนั้นยังพบชิ้นส่วนกำไลโบราณ.... 
(เหมือนกับที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์เลยครับ...)




ชิ้นนี้น่าจะเป็นแหวนคนโบราณ...




ชิ้นนี้ดูแล้วเหมือนไปป์สำหรับสูบยาเส้น.....




ชิ้นนี้น่าจะเป็นส่วนฐานสิงห์ของพระ....




ตามด้วยเหรียญเงินโบราณ....น่าจะเป็นของชาวเปอร์เซียที่มาค้าขายในดินแดน
ศรีวิชัยสุวรรณภูมิของเรา  เมื่อประมาณ ๘๐๐ ปีที่แล้ว 

ที่กล้าเอ่ยอ้างดังนี้เพราะไปเห็นของจริงมา
ที่พิพิธภัณฑ์วัดพระมหาธาตุครับ...
ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่ากรุวัดชะเมาจะมีของแบบนี้ด้วย
เคยเห็นเหรียญทองคำที่อ้างว่าเป็นของกรุวัดชะเมาจากในเว็บ 
ถามเจ้าของดูก็ได้ทราบคำตอบว่าได้รับมาจากมือหลวงพี่เลยขอรับ....
ลักษณะดังรูป...





ส่วนเหรียญเงินดำ ๆ พวกนี้เป็นของนักขุดครับ......




เหรียญรูปสัตว์สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ครับ......
ตัวอักษรพวกนี้ใครอ่านออกช่วยบอกด้วย........




รูปข้างบน เป็นเหรียญสมัยทวารวดี ครับ......
ซึ่งเป็นยุคที่ตรงกันกับพระที่พบในกรุ





ส่วนอันนี้เป็นเหรียญโบราณสมัยอาณาจักรฟูนัน


มีทั้งโลก  ดวงจันทร์  ดวงอาทิตย์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์และดาวบริวารรอบ ๆ 
คนสมัยก่อนทึกทักเอาว่าโลกเราเป็นศูนย์กลางจักรวาลครับ
ดูแล้วน่าพิศวงยิ่งนัก...


และชิ้นนี้ซิครับที่นักขุดของเราบอกว่าดีใจสุดขีด
เจอแล้วรีบเอากลับบ้านปิดประตูเงียบอยู่หลายวัน  และบอกกับ
ผู้เขียนว่าพี่อย่าบอกให้ใครรู้นะ๊ว่าบ้านผมอยู่ไหน.......


หน้าตัก ๖ นิ้ว ครับ.....  
พระบูชาเทริดขนนก ปางมารวิชัย ศิลปลพบุรี อายุราว ๆ  ๖๐๐-๗๐๐ ปี
บางท่านบอกว่า ๑,๐๐๐ ปี มีชื่อว่าพระพุทธเทวฤทธิ์ ข้อมูลเพิ่มเติม


มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า " พระพุทธรูปองค์นี้ทำพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณีโบราณกาล สร้างในยุคสมัยของพระนางเจ้าจามเทวี แห่งเมืองหริภุญไชย   ถูกปลุกเสกโดยพระอริยเจ้าในยุคสมัยนั้น จึงมีพลังบารมีเปลี่ยมล้น องค์พระเป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ ศิลปทรงเครื่องแบบเทริดขนนก สมัยละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน  ซึ่งประเมินค่ามิได้ ท่านมีชื่อว่า พระพุทธเทวฤทธิ์ " ท่านอาจารย์ชาสรุปปิดท้าย

ถ้าผู้ขุดไม่ได้หลอกผู้เขียน ราคาปัจจุบันก็น่าจะอยู่ที่นิ้วละแสน



ใต้ฐานพระครับ...




หวังว่าครานี้คงจุใจทุกท่านที่เฝ้ารอคอย

ดูแล้วบอกต่อให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้ดู

มาดูกันด้วยนะครับ......