รอกันอีกนิดนะครับ...
กำลังรอผู้เชียวชาญยืนยันข้อมูล...
พักไปหลายวันครับ.... แต่อย่างน้่อยก็มีเรื่องใหม่ที่ค้นพบมาฝาก... พบว่าพระกรุนี้ มีพระที่เป็นศิลปะ แบบลพบุรี ที่มีลักษณะเดียวกันกับที่พบในกรุวัดมหาธาตุ ลพบุรี อยู่หลายชิ้น .. เช่น พระทวารวดี(ยืน) และ (นั่ง ),พระเทริดขนนกทรงเครื่อง ปางห้ามสมุทร ,พระเทริดขนนกทรงเครื่อง ปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระบูชา ขนาดหน้าตัก ๖ นิ้ว , พระเทริดขนนก ยืนถือถาด (หรืออาจจะเป็นใบบัว) รดน้ำ, และอื่น ๆ ที่ยังไม่มีโอกาสได้เห็น
จากการวิเคราะห์ช่วงอายุของยุค ก็ใกล้เคียงต่อเนื่องกัน ศิลปะยุคเชียงแสน มีอายุอยู่ในราวช่วงพุทธศตวรรษ ที่ ๑๖ -๑๗ ขณะนี้กำลังรวบรวมรูปอยู่ครับ เป็นของมือขุดคนหลังวัดบ้าง, ช่างก่อสร้างที่เคยมาทำงานบ้าง ,คนข้างวัดบ้าง
คงไม่นานเกินรอ ครับ.....
วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555
กรุวัดชะเมา(วัดประตูเขียน)
และแล้วก็ถึงเวลาเปิดกรุวัดชะเมากัน ครับ......
ขณะนี้เรากำลังยืนอยู่หน้าโบสถ์วัดประตูเขียน ครับ...(W)
ด้านหลังที่เห็นปัจจุบันคือ โรงครัวของวัดชะเมา
จะสังเกตุได้ว่าเคยมีการใช้ รถแม็คโครตักดินขุดเป็นหลุมสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีฐานโบสถ์ ลึกลงไปประมาณ ๒ เมตร เรียกได้ว่าขุดกันอย่างเอาจริงเอาจังกันเลย... ผ่านไปปีกว่า ๆ หญ้าเริ่มขึ้นเกือบเต็มหลุม....
ถ้ามองไปด้านหน้าโบสถ์ (E) คงพอเดาออกได้ว่าปัจจุบันบริเวณตรงนี้เป็นอะไีร นะครับ.... เดิมหลวงพ่อสูงจะหันหน้าไปทางด้านนี้ครับ
ส่วนรูปนี้เป็นภาพด้านขวาของโบสถ์ (N)..ครับ....
และนี่เป็นรูปทางด้านซ้าย (S) ...
บริเวณขอบปากหลุมจะพบซากอิฐเก่าขนาดใหญ่มากมาย ทำให้พอสันนิษฐานได้ว่าเป็นฐานโบสถ์เก่าอย่างแน่นอน....
ภาพนี้เห็นชัดเลยครับว่าเป็นอิฐเรียงซ้อนกัน......
แล้วช่องนี้มันช่องอะไรหนอ.......
พระเอกของเราครับ...... มือขุด หมายเลข ๑ ที่ชี้อยู่นี้เป็นบริเวณใต้ฐานหลวงพ่อสูง ที่ขุดลึกลงไปอีก ๒ เมตร เป็น ๔ เมตร จึงได้พบพระกรุมากมายบรรจุอยู่ในไหหรือหม้อดินเผาแตก ๆ ประมาณ ๓ ไห และยังมีที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป
และรูปนี้คือผมเองครับ.... ขอลงไปชี้ด้วยคน.....
ปัจจุบันหลุมใต้ฐานหลวงพ่อสูงถูกปิดกลบแล้ว.....
และเนื่องจากบริเวณรอบวัดเป็นชุมชนครับ .... ชาวบ้านจึงสามารถเดินเข้ามาสำรวจได้โดยสะดวก และบางครั้งก็แอบมาแจมขุดบ้าง บางคนก็พบพระบูชา หลายคนก็ได้พระทองคำแท้ ๆ ไปหลายองค์ บางคนได้ดาบ ขวาน ตุ้มหูำ และกำไลโบราณ และอื่น ๆ อีกมากมายที่รอการเปิดเผยในโอกาสข้างหน้าต่อไป...........
วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2555
......มาทำความรู้จักกับวัดชะเมากันครับ...... วัดนี้ตั้งอยู่ที่ ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อยู่ตรงข้ามวัดใหญ่ และเยื้อง ๆ โรงเรียนศรีธรรมราชศึกษา ครับ.....
ในอดีตแยกออกเป็นวัดโบราณได้ ๓ วัด ครับ (ข้อมูลบันทึกวัดร้างเมืองคอน)
๑.วัดสมิทฐาน
๒.วัดประตูเขียน
๓.วัดโมฬี (วัดชะเมา)
ภายหลังในปี พ.ศ.๒๔๕๘ หรือเกือบ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณศิริธรรมมุณี เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้รวมพื้นที่วัดขึ้น ๓ วัด คือ วัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี หรือ วัดชะเมา เป็นพื้นที่เดียวกัน คือ วัดชะเมาปัจจุบันนั่นเอง
และนีี่เป็นร้านกาแฟข้างวัดที่ผมใช้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลแห่งหนึ่ง และเก็บสะสมพระกรุนี้จากผู้คนทั่วไป.....
ก่อนอื่นต้องขอชมบารมีท่านเกษม เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันว่า สามารถพัฒนาวัดนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรือง สภาพและบรรยากาศทั่วไปดีขึ้นผิดกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก....
เมื่อเดินผ่านประตูวัดด้านหน้าเข้าไป ทางขวาจะเป็นศาลาเอนกประสงค์ที่กำลังก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว ๑ หลัง
ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นบริเวณที่ตั้ง "พระสูง" ที่ย้ายมากจากด้านหลังที่เป็นวัดประตูเขียนเดิม โดยกำลังทำการก่อสร้างซุ้มศาลาอย่างงดงามให้ท่านใหม่ ดังภาพ
มองตรงไปด้านหน้าที่เห็นก็จะเป็นโบสถ์ของวัดชะเมา ครับ...
วิวด้านข้างโบสถ์ ครับ....
และด้านหลังโบสถ์ซึ่งจัดสถานที่ได้อย่างร่มรื่น.....
และถัดจากโบสถ์ไปก็จะเป็นกุฏิเจ้าอาวาสครับ.....
ส่วนกุฏิที่ใช้สำหรับต้อนรับแขกอยู่ด้านหลังครับที่อยู่ทางขวาหลังคาสีส้มนั่นแหละครับ...... ใครจะไป ใครจะมาพบท่าน ถ้าท่านอยู่และว่างจากภารกิจของสงฆ์ ท่านต้อนรับญาติโยมทุกคนเป็นอย่างดีเสมอ ครับ......
กรุวัดชะเมา.....
พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การค้นพบดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเมื่อราวปลายเดือนเมษายน ๒๕๕๔ที่ผ่านมา เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า “หลวงพ่อสูง” หน้าตักกว้างประมาณ ๓ เมตรเศษ ความเป็นมานั้นได้สืบค้นข้อมูล และพบจารึกที่ฐานพระพุทธรูป ว่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๑๐๗๙ ประดิษฐานที่เดิมตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งแต่โบราณ และได้ร้าวลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ ........(จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน)
เอาละครับ และกรุที่ว่านี้มันอยู่ตรงไหน.... ติดตามต่อคราวหน้านะครับ.......
ในอดีตแยกออกเป็นวัดโบราณได้ ๓ วัด ครับ (ข้อมูลบันทึกวัดร้างเมืองคอน)
๑.วัดสมิทฐาน
๒.วัดประตูเขียน
๓.วัดโมฬี (วัดชะเมา)
ภายหลังในปี พ.ศ.๒๔๕๘ หรือเกือบ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมา พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณศิริธรรมมุณี เจ้าคณะมณฑลนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้รวมพื้นที่วัดขึ้น ๓ วัด คือ วัดประตูเขียน วัดสมิทฐาน และ วัดโมฬี หรือ วัดชะเมา เป็นพื้นที่เดียวกัน คือ วัดชะเมาปัจจุบันนั่นเอง
และนีี่เป็นร้านกาแฟข้างวัดที่ผมใช้เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลแห่งหนึ่ง และเก็บสะสมพระกรุนี้จากผู้คนทั่วไป.....
ก่อนอื่นต้องขอชมบารมีท่านเกษม เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันว่า สามารถพัฒนาวัดนี้ให้มีความเจริญรุ่งเรือง สภาพและบรรยากาศทั่วไปดีขึ้นผิดกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก....
เมื่อเดินผ่านประตูวัดด้านหน้าเข้าไป ทางขวาจะเป็นศาลาเอนกประสงค์ที่กำลังก่อสร้างใกล้เสร็จแล้ว ๑ หลัง
ส่วนทางด้านซ้ายจะเป็นบริเวณที่ตั้ง "พระสูง" ที่ย้ายมากจากด้านหลังที่เป็นวัดประตูเขียนเดิม โดยกำลังทำการก่อสร้างซุ้มศาลาอย่างงดงามให้ท่านใหม่ ดังภาพ
มองตรงไปด้านหน้าที่เห็นก็จะเป็นโบสถ์ของวัดชะเมา ครับ...
วิวด้านข้างโบสถ์ ครับ....
และด้านหลังโบสถ์ซึ่งจัดสถานที่ได้อย่างร่มรื่น.....
และถัดจากโบสถ์ไปก็จะเป็นกุฏิเจ้าอาวาสครับ.....
ส่วนกุฏิที่ใช้สำหรับต้อนรับแขกอยู่ด้านหลังครับที่อยู่ทางขวาหลังคาสีส้มนั่นแหละครับ...... ใครจะไป ใครจะมาพบท่าน ถ้าท่านอยู่และว่างจากภารกิจของสงฆ์ ท่านต้อนรับญาติโยมทุกคนเป็นอย่างดีเสมอ ครับ......
กรุวัดชะเมา.....
พระปลัดเกษม เขมจิตโต เจ้าอาวาสวัดชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การค้นพบดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นเมื่อราวปลายเดือนเมษายน ๒๕๕๔ที่ผ่านมา เดิมพระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านเรียกชื่อสืบทอดกันว่า “หลวงพ่อสูง” หน้าตักกว้างประมาณ ๓ เมตรเศษ ความเป็นมานั้นได้สืบค้นข้อมูล และพบจารึกที่ฐานพระพุทธรูป ว่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๑๐๗๙ ประดิษฐานที่เดิมตรงพื้นที่วัดประตูเขียน ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองนครศรีธรรมราชมาตั้งแต่โบราณ และได้ร้าวลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ ........(จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน)
เอาละครับ และกรุที่ว่านี้มันอยู่ตรงไหน.... ติดตามต่อคราวหน้านะครับ.......
วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555
พระยอดธงกรุวัดชะเมา
ตอนนี้จริง ๆ แล้วผมว่าจะพาไปเที่ยววัดชะเมา(ประตูเขียน) แต่บังเอิญได้ข้อมูลเกี่ยวกับพระยอดธงกรุนี้เข้ามาใหม่ คือ มีพระยอดธงพิมพ์เล็กเพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งแต่แรกส่วนใหญ่เรียกกันว่าแตกกรุรอบสอง คราบน้อย หน้าผากเปิด ไรผมหน้าม้าตรง เป็นที่สงสัยกันว่าน่าจะปลอม ผมเองในตอนแรกก็ตีว่าปลอม แต่พอได้ลองล้างดูตามสูตรล้างพระกรุเนื้อสำริดพบว่า หลังจากล้างคราบเขียวและคราบดิน ทรายออกหมดแล้ว องค์พระจะมีลักษณะเป็นสนิมแดงนำ้้้ำตาลเข้มทั่วทั้งองค์ ยอดเกศมีสีทองเรือ ๆ ในตอนแรกสงสัยว่าน่าจะเป็นสีรองพื้นเหล็ก ลองดมดูก็ไม่มีกลิ่นสี แตะลิ้นก็ไม่ดูดลิ้น เช็ดด้วยทินเนอร์ก็ไม่ออก ลองแช่ิบรัสโซ ดูปรากฏว่าคราบสนิมเแดงละลายออกมาเป็นสนิมเขียว แสดงว่าเป็นคราบสนิมแดงของพระเก่าที่ผ่าน กาลเวลามาหลายร้อยปีจริง.....
ดูภาพ (ยืมเค้ามาจากเว็ปอื่น)
รูปข้างล่างนี้ผมล้างเองครับ.......
แตกกรุรอบแรกเป็นแบบนี้ครับ.............
จงอย่าเชื่อในสิ่งเราที่เห็น.....
จงอย่าเชื่อในสิ่งที่เค้าบอก......
จงพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนแล้วจึงเชื่อ.......
ดูภาพ (ยืมเค้ามาจากเว็ปอื่น)
รูปข้างล่างนี้ผมล้างเองครับ.......
แตกกรุรอบแรกเป็นแบบนี้ครับ.............
จงอย่าเชื่อในสิ่งเราที่เห็น.....
จงอย่าเชื่อในสิ่งที่เค้าบอก......
จงพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนแล้วจึงเชื่อ.......
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)