วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

พระกรุวัดชะเมา

กว่าจะเตรียมรูปเสร็จ...
กว่าจะรอนักขุดให้ปากคำ
กว่าจะรอคำยืนยันจากเจ้าของเดิม...
กว่าจะรอผู้รู้ให้ความคิดเห็น...
 ..... เชิญรับชมกันได้เลยครับ



พบในโพรงพระสูงบริเวณช่องแขน
ผู้รู้ว่าน่าจะเป็นพระเทริดขนนก(ยืน)
ศิลปทวารวดี ปางไม่ทราบครับ...

แต่ลักษณะเหมือนถือใบบัวกำลังรดน้ำ...




ชิ้นนี้ไปเที่ยวอยู่แถวพัทลุง ครับ.....




ชิ้นถัดมาเป็น  มณีนาคราช ครับ...

พบในบาตรบริเวณช่องท้องขององค์พระสูง ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่ามีหลายร้อยเม็ด ผู้เขียนเองก็เคยเห็นบ้างในตอนแรกมีผู้นำมาขายอยู่หลายเม็ด จำได้ว่ามีสีแดง สีน้ำเงิน สีขาว และสีม่วง ตอนนั้นรู้สึกไม่สนใจ ไม่รู้ว่าคืออะไร กว่าจะอยากได้ก็เหลือเม็ดที่เห็นนี้แหละเป็นเม็ดสุดท้าย ว่ากันว่าสีม่วงมีพลังเร้นลับ ป้องกันภูตผีปีศาจและคุณไสย์ได้ดีนัก เสริมพลังในตนเองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ส่วนสีอื่นๆหาอ่านได้ที่...ความหมายของสีเพชรพญานาค



                                                          ม่วง ปลอดภัย ภูติผียำเกรง




มณีนาคราชมี 3 แบบครับ
1.แบบลูกแก้วเสด็จหรือแก้วมณีโชติ อันนี้ต้องผู้มีบุญวาสนาจริงๆครับถึงได้ครอบครอง


2.ลูกแก้วเทวตาพลี เป็นลูกแก้วที่ถวายให้กับเทวดาหรือพญานาคด้วยการฝังไว้ใต้ดิน ในถ้ำ ในน้ำ และหว่านไปในอากาศ ลูกแก้วชนิดนี้ สามารถไปอัญเชิญมาได้ไม่จำเป็นต้องมีบุญขอให้มีสัจจะ เช่น ขอไปสร้างวัดสร้างบุญ 


3.ลูกแก้วเสก เป็นลูกแก้วธรรมดาแต่นำไปขอเมตตาจากครูบาอาจารย์ที่มีฤทธิ์ ก็จะบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา

ลูกแก้วมีไว้ทำไม
บางท่านอย่ามีเพราะเห็นคนอื่นมีแต่ไม่รู้ว่าเอาไปทำไม
1.ใช้บรรจุในเจดีย์ พุทธรูป เทวรูป
2.ใช้ทำสมาธิ
3.ใช้เสริมบารมี
4.ใช้แก้ฮวงจุ๊ย
5.ใช้ฝังฐานเสาเอก ฝังสนามหญ้า เพื่อเสริมศิริมงคล

ลูกแก้วเป็นความเชื่อที่มีในทุกศาสนาและมีมานับหมื่นปี แต่การจะเชื่อสิ่งใดขอให้อยู่ในรากฐานของเหตุและผล ปัจจัย ความเชื่อ ความศรัทธามีได้ แต่อย่าเลยไปเป็นความงมงาย




มีมาเพิ่มอีกแล้วครับ คนขุดบอกว่าเฉพาะในส่วนที่เขาขุดได้
มีทั้งหมด ๔๖ เม็ดแจกจ่ายไปกับเพื่อน ๕ - ๖ คน






                       (สองเม็ดต่อไปนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากท่านปลัดและภรรยาครับ...)



แดงบารมีอำนาจ




ชมพูเสน่ห์รัดรึงใจ





คู่นี้เสริมวาสนาบารมีกันจริง ๆ ครับ.....





๒ เม็ดนี้เป็นรูปทรงหยดน้ำ ครับ....

ถ้าคุณเป็นนักสะสมตัวจริงต้องมีทุกสีอย่างนี้ครับ...

ของวิเศษย่อมจะเลือกผู้ที่จะอยู่ด้วย ......


ตำนานการก่อเกิดมณีใต้น้ำ
นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล ด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาโพธิสัตว์ เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพัท” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียก ใครใคร่ไม่เปียกก้ไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป เทื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพุธาบางส่วนได้ประมวลตัวธาตุดึงดูดธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างจนถึงนครใต้บาดาลดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่าง อัญมณีพลอย อันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ต่าง หาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมือง นามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของต้นอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์การณ์อันอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา และได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน “จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขาลตายลง (ขอเว้นในเหตุของกฏแห่งกรรมทีทำให้กำเนิดเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์) ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล่วงหน้าถึงการก่อกำเนิดแห่ง เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้หน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันนทโทผู้เป็นใหญ่ ได้แสดงฤิทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปัฐพีมาดูต้นเหตุอัศจรรย์อันที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพี้นพิภพใต้บาดาล ท่านพญานาคราชสุนันนทโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิงสถิตย์พักอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดา อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำที่ลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้นำไปประดิษฐสถานเอาไปไว้แอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

มณีใต้น้ำ เพชรพญานาค เป็นหินที่อยู่ใต้ลำน้ำโขง หรือ ตามถ้ำริมแม่น้ำโขง จากเรื่องราวของแก้มังกรหรือแก้วกายสิทธิ์ของนาคราชแห่งเมืองบาดาล เรื่องราวของธาตุกายสิทธิ์ที่เป็นแก้วสารพัดนึก แก้วกายสิทธิ์อันหาได้ยาก เรื่องราวที่เล่าขานจากรุ่นปู่รุ่นย่าถึงอภินิหารแห่งของกายสิทธิ์ชนิดนี้
ที่มาของแก้วกายสิทธิ์จากเมืองบาดาลนี้ตามแต่โบราณหรือที่มาในยุคต้นๆ นั้นของเพชรพญานาคมาจากการที่ทางวัดพระธาตุมหาชัยได้มีการพบแก้วปะกำหรือเพชรพญานาค โดยมีญาติโยมบางท่านนำมาถวายและได้ทำการบรรจุไว้ในเจดีย์พระธาตุมหาชัยเรื่องราวในครั้งนั้นได้จุดประกายเรื่องราวเพชรเมืองบาดาลให้ตื่นเต้นและยังทำให้หลายท่านต้องการครอบครอง ต่อมาไม่นานได้มีข่าวของฆราวาสนักบุญผู้หนึ่งซึ่งมีการให้บูชาเพชรพญานาคของดีจากเมืองบาดาล โดยมีเจ้าศรีสุทโธเป็นผู้อนุญาตให้นำออกมาสู่โลกมนุษย์ได้เพื่อจะได้คนศรัทธามาทำบุญกันทราบว่าเมื่อแรกนั้นเพชรพญานาคก้อนนึงตกราคาเป็นแสนทั้งนี้มีข้อมูลอีกว่าได้มีการจำแนกสรรพคุณของเพชรกายสิทธิ์ล้ำค่านี้ตามสีสันที่พบเจอโดยแบ่งออกเป็น ๗ - ๙ สี ดังนี้ คือการแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของเพชรนาคา สามารถแบ่งออกได้คือ1.สีนำเงิน วรรณะกษัตริย์ 2.สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์ 3.สีเขียว วรรณะนักบวช,ผู้ทรงศีล 4.สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล 5.สีม่วง วรรณะขุนนาง 6.สีขาว วรรณะ กลาง 7.สีเหลือง,สีส้ม,สีชมพู่ วรรณะทั่วไป

ความหมายตามสีสันของเพชรนาคา ก็คือ
1.สีขาว หรือแก้วใส หมายถึง พลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิ ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทาน ให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาป มีสติเป็นผู้รู้(เกิดปัญญา)เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์ มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ เหมาะกับผู้ที่มีจิตใจอ่อนไหวรวนเรไม่มีความมั่นใจ

2.สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญเด็ดเดียวความคิดฉับไหวเฉียบคมดุดัน ตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมายทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขาม ผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี”สติ”รู้เท่าทันอารมณ์มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้นทั้งตนเองและผู้อื่น สีแดงเป็นสีที่บ่งบอกถึง”โทสะจริต”ที่มีความต้องการให้ทันอกทันใจรวดเร็ว บางครั้งไม่เป็นตามที่เราต้องการก็จะเกิดอารมณ์โมโหโกรธขึ้นมานี้ละตัวร้าย ยิ่งเพชรนาคาที่มีสีเข้มขึ้นมากเท่าใดยิ่งจะมีพลังทางลบมากเท่านั้น มันจะเผาผลาญทั้งกายและจิตใจให้เกิดความหม่นหมองมืดมัวเศร้าสร้อยไปทางทุคติที่ไม่ดี
2.1.สีแดงพิเศษ…จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาวประมาณ 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่พลังอานุภาพฤทธิ์อำนาจสูงกว่าสีปกติมาก เพราะจะเป็น”เพชรนาคาสีแดงขอบดำ”ครูบาอาจารย์บอกว่า”เป็นพลังอนันตจักรวาล” ผู้ที่สามารถที่จะครอบครองได้ จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมมาจากอดีตชาติไว้มากหรือและต้องเป็นผู้ที่มี”จิต”เป็นฤทธิ์เดชตบะมหาอำนาจที่ฝึกฝนมาทางนี้ มิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะรองรับพลังอานุภาพของเพชรนาคาที่มีพลังอนันตจักรวาลได้


3.สีเขียว  หมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตาเย็นกายเย็นจิต มีเดช ตบะบารมีของผู้ทรงธรรมที่มีจิตสัมผัสทาง

โลกลี้ลับเหล่าเทพพรหมเทวดา มีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัว ทำให้จิตมีความสงบเยือกเย็นมั่นคงแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านมาจากเพชรนาคาจนเย็นยะเยือก เป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไร เป็นเหตุที่เกิดมาจากการบำเพ็ญเพียรตบะบารมี”สัจจะอธิษฐาน”ที่ไม่พูดปดมดเท็จหลอกลวงตลบแตลง และเป็นสีของกายทิพย์ผู้เป็นจอมเทพใหญ่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรที่มีอำนาจฤิทธานุภาพจ้าวแห่งสรวงสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


4.สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศีสีที่แสดงถึงความมั่งคั่งมีโชคมีลาภไหลมาเทมา มีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง”ทองคำ”ที่มีคุณค่าในตัวเอง กระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้น เป็นกระแสที่ทำให้น่าเกรงขามเคารพศรัทธาในความมีสง่าราศีดังเจ้าขุนคุณนายเจ้าพระยาผู้มีศักดิ์มีศรี จะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น

หมายเหตุ…ผู้ใดได้เพชรนาคาสีเหลืองไว้ครอบครองจะต้องมีจิตใจที่ชอบทำบุญทำทานเป็นนิจวัตร มีน้อยทำน้อยมีมากเท่ามากตามกำลังของตนเองและต้องเป็นผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ยิ่งจะส่งผลให้เกิดกระแสแห่งทานบารมีที่บริสุทธิ์ส่งเสริมพลังเพชรนาคาสีเหลืองและองค์เทพที่รักษาดูแลมีบุญบารมีเพิ่มขึ้น

5.สีส้ม  หมายถึงพลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่างๆ เป็นพลังที่มีความคิดเด็ดเดียวกล้าหาญกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเผชิญและเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ายุติธรรมไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น เป็นกระแสพลังที่ป้องกันและลดสลายอุปสรรคพลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบ กระทำให้บุคคลใดผู้ใดที่คิดจะมาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ตนเองไปในที่สุด มีเทพที่มีคุณธรรมดูแลปกปักรักษา และเป็นสีแห่ง”พระบารมีขององค์พระสยามเทวาธิราช”องค์มหาเทพที่ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองประเทศชาติ,ศาสนา,พระมหากษัตริย์ จากภัยอันตรายจากศัตรูผู้ไม่เป็นมิตรที่คิดมากระทำย้ำยี


6.สีม่วง หมายถึง พลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้ ดังคำว่า”รู้หน้าไม่รู้ใจ” เกี่ยวข้องจิตวิญญาณโอปาติกะภูติผีปีศาจทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีกระทำไม่ดี เหมือนมีพลังลึกลับจ้องมองอยู่ ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึงมีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ ป้องกันภูติผีปีศาจคุณผีคุณคนคุณไสยการกระทำย้ำยีต่างๆให้เสื่อมสลายหายไป และเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ

หมายเหตุ…บุคคลที่มีวาสนาครอบครองเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเป็นคนที่มีพลังลึกลับหรือมีสัมผัสพิเศษเรื่องลึกลับบางคนอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้และเป็นคนที่ช่างคิดช่างตรึกตรองเจ้าวางแผน ถ้ามีมากจนกระทั่งออกไปทางหน้ากลัว อาจจะเกิดผลเสียหรือเกิดพลังที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตนเองและผู้อื่น ควรที่จะฝึกปฏิบัติจิตให้มีความเมตตาหนักแน่นปล่อยวางจากอารมณ์ที่มากระทบ ให้จิตมีแต่ความโปร่งใสบริสุทธิ์จะทำให้อานุภาพของเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเปล่งประกายออกมาครอบคลุมทั่วร่างตลอดเวลา เสมือนเกราะแก้วคุ้มครอง
6.1.สีม่วงพิเศษ… จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาว 3 ซ.ม.ขึ้นไป จะเป็นสีที่มีพลังฤทธิ์อำนาจแห่งความลึกลับแห่งจิตวิญญาณโอปาติกะ ป้องกันอาถรรพ์การกระทำคุณไสยคุณผีคุณคนการกระทำย้ำยีต่างๆผูกพยนต์ฝังรูปฝังรอย ทำให้เกิดการสลายเสื่อมอานุภาพ ศัตรูหมู่มารต่างสยบไม่กล้าที่จะคิดร้ายกระทำไม่ดี มีอานุภาพแผ่พลังครอบคลุมเป็นปริมณฑลได้ทั้งบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่ผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองมีจิตสะอาดอยู่ในศีลในธรรมหรือไม่เป็นหลัก ยิ่งที่เป็นผู้ที่ปฏิบัติทางจิตจะยิ่งเปล่งประกายของอานุภาพรัศมีกว้างขึ้น

7.สีฟ้า หมายถึง ถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาด น่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานาน พูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวก เป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย


8.สีน้ำเงินหมายถึง ผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมี เป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพมีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศ จะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น

หมายเหตุ…ผู้ที่บุญวาสนาได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่บุญวาสนาบารมีมาในอดีตชาติที่สร้างสมมานาน และต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรมประจำใจ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์ที่ไม่ดีแก่ผู้ที่ครอบครองเกิดความวิบัติ อย่าหลงอดีตอย่าบ้าอำนาจอย่าอวดเก่งหลงตัวเอง จงทำจิตให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดคือการปล่อยวางจากกิเลสตัณหาอุปทาน


9.สีชมพู หมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยน มีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจ ยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาด 

หมายเหตุ…ผู้ที่ได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดีงาม ไม่นำพลังไปใช้ในทางไม่ดีดัง”ปากหวานก้นเปรี้ยวเลี้ยวตลบแตลง”ยิ่งกระทำกับเพศตรงข้ามจนกระทั่งผิดศีลในข้อที่ 3 จนเกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ บั้นปลายท้ายสุดแล้วจะอเน็จอนาถน่าสังเวชเป็นอย่างมาก เมื่อผลกรรมนั้นมาตอบสนอง
10.สีชา(สีพิเศษ)หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั่งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ ทำให้สติปัญญาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควรที่ตามไม่ทัน จนกระทำพลาดพลั้งผิดพลาดไปจนเกิดความเสียหาย เหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเสร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้ และมีความพิเศษก็คือจะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภอย่างที่คาดไม่ถึง ( เป็นสีที่หาพบได้ยาก )
สำหรับรูปพรรณสัณฐานนั้นของเพชรพญานาคที่ได้มาจากการทุบนั้นแบ่งออกได้หลายลักษณะได้แก่ ทรงกลมอย่างหนึ่ง ทรงรีบรูปหนำเลี้ยบ ทรงแบบคล้ายแก้วเลนส์ นอกจากทรงต่างๆ และสีดังกล่าวมาแล้ว บางครั้งเมื่อทำการทุบหินแก้วนาคราชออกมายังมีการพบวัตถุสีดำเนื้อคล้ายแก้วหรือโลหะ โดยหลายท่านเชื่อว่าเป็นเหล็กไหลเมืองบาดาลหรือเหล็กไหลนาคราชของดีหายากอีกอย่างหนึ่งที่ประเมินราคาไม่ได้
พุทธคุณเพชรพญานาคแบ่งได้เป็นสองประเภท  สองกลุ่ม  สังเกตได้จากสีของเพชรพญานาค  ประเภทแรกสีเข้ม  ไม่ว่าจะเป็น แดง  ม่วง  น้ำเงิน  เหลือง พวกนี้จะให้พุทธคุณด้านฤทธิ์อำนาจ ที่สองเป็นประเภท สีอ่อน หรือขาว ประเภทนี้ให้พุทธคุณด้านเมตามหานิยม  สี่สรรนั้นที่มีหลากสีนั้น  เป็นไปตามจริต เป็นไปตามนาคาแต่ละตนจะชมชอบและต้องการจะให้เป็นสีอะไรเหมือนการส่งรูปวาดดอกกุหลาบ  ให้แต่ละคนระบายสี  คนที่ชอบสีแดงก็จะระบายสีแดง  คนที่ชอบสีอื่นก็จะระบายสีอื่นเป็นต้น
พุทธคุณแห่งอัญมณีพญานาคหรือเหล็กใหลพญานาคานั้น  จะช่วยเหนี่ยวนำจิตของผู้คนวาสนาให้มีกำลังจะต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ป้องกันเภทภัยต่างๆ  สำหรับอัญมณีที่เป็น รูปทรง อวัยวะ และรูปทรงดอกบัว  น้ำเต้า  หรืออื่นๆ ท่านว่ามีฤทธิ์เดชมากกว่ารูปทรงที่เป็นเครื่องประดับ โดยเฉพาะรูปทรงของดอกไม้นั้น  แสดงให้เห็นถึงการเป็นวัตถุที่บูชาพระพุทธ  พระธรรม  และพระสงฆ์  และรูปทรงดอกบัวหมายถึงสิ่งที่ถวายบูชาแก่พระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ กล่าวกันว่า  พุทธคุณแห่งเพชรพญานาคและเหล็กใหลพญานาค  เป็นวัตถุที่เรียกว่าเป็นสิ่งสารพัดนึกหรือดูดทรัพย์นั้น ท่านว่าทั้งสิ้นเกิดแต่ความเย็น  ความเย็นแห่งเมตตาที่มีในจิตของพญานาคและขอกำชับอีกครั้งว่า เมื่อได้รับสิ่งมงคลที่ดีที่เขามอบให้แล้วก็อย่าลืมอุทิศส่วนบุญให้เขาด้วยเป็นการตอบแทน

คาถาบูชา อัญมณี นาคา
ตั้งนะโม 3 จบ  
เอหิสังคัง   ปิโยนาคะ  สุปันนานัง   มะยัง


และชิ้นต่อไปเหล่านี้จะเป็นส่วนที่นักขุดสมัครเล่นข้างวัดพบในบริเวณกำแพงทิศตะวันออกหลังต้นยางใหญ่      ซึ่งปัจจุบันจะเป็นเจดีย์บรรจุกระดูก เรียงรายเป็นแนวข้างกำแพง บริเวณนี้เองยังเป็นสถานที่ที่พบพระยอดธงที่เป็นแตกกรุชุดแรก ร้อยกว่าองค์ชนิดคราบกรุหนาเขียวเข็มขลัง ที่อยู่ในมือของใครหลายคนในปัจจุบัน 

 นอกจากนั้นยังพบชิ้นส่วนกำไลโบราณ.... 
(เหมือนกับที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์เลยครับ...)




ชิ้นนี้น่าจะเป็นแหวนคนโบราณ...




ชิ้นนี้ดูแล้วเหมือนไปป์สำหรับสูบยาเส้น.....




ชิ้นนี้น่าจะเป็นส่วนฐานสิงห์ของพระ....




ตามด้วยเหรียญเงินโบราณ....น่าจะเป็นของชาวเปอร์เซียที่มาค้าขายในดินแดน
ศรีวิชัยสุวรรณภูมิของเรา  เมื่อประมาณ ๘๐๐ ปีที่แล้ว 

ที่กล้าเอ่ยอ้างดังนี้เพราะไปเห็นของจริงมา
ที่พิพิธภัณฑ์วัดพระมหาธาตุครับ...
ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่ากรุวัดชะเมาจะมีของแบบนี้ด้วย
เคยเห็นเหรียญทองคำที่อ้างว่าเป็นของกรุวัดชะเมาจากในเว็บ 
ถามเจ้าของดูก็ได้ทราบคำตอบว่าได้รับมาจากมือหลวงพี่เลยขอรับ....
ลักษณะดังรูป...





ส่วนเหรียญเงินดำ ๆ พวกนี้เป็นของนักขุดครับ......




เหรียญรูปสัตว์สมัยอาณาจักรศรีวิชัย ครับ......
ตัวอักษรพวกนี้ใครอ่านออกช่วยบอกด้วย........




รูปข้างบน เป็นเหรียญสมัยทวารวดี ครับ......
ซึ่งเป็นยุคที่ตรงกันกับพระที่พบในกรุ





ส่วนอันนี้เป็นเหรียญโบราณสมัยอาณาจักรฟูนัน


มีทั้งโลก  ดวงจันทร์  ดวงอาทิตย์ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวเสาร์และดาวบริวารรอบ ๆ 
คนสมัยก่อนทึกทักเอาว่าโลกเราเป็นศูนย์กลางจักรวาลครับ
ดูแล้วน่าพิศวงยิ่งนัก...


และชิ้นนี้ซิครับที่นักขุดของเราบอกว่าดีใจสุดขีด
เจอแล้วรีบเอากลับบ้านปิดประตูเงียบอยู่หลายวัน  และบอกกับ
ผู้เขียนว่าพี่อย่าบอกให้ใครรู้นะ๊ว่าบ้านผมอยู่ไหน.......


หน้าตัก ๖ นิ้ว ครับ.....  
พระบูชาเทริดขนนก ปางมารวิชัย ศิลปลพบุรี อายุราว ๆ  ๖๐๐-๗๐๐ ปี
บางท่านบอกว่า ๑,๐๐๐ ปี มีชื่อว่าพระพุทธเทวฤทธิ์ ข้อมูลเพิ่มเติม


มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า " พระพุทธรูปองค์นี้ทำพิธีอย่างถูกต้องตามประเพณีโบราณกาล สร้างในยุคสมัยของพระนางเจ้าจามเทวี แห่งเมืองหริภุญไชย   ถูกปลุกเสกโดยพระอริยเจ้าในยุคสมัยนั้น จึงมีพลังบารมีเปลี่ยมล้น องค์พระเป็นเนื้อทองสัมฤทธิ์ ศิลปทรงเครื่องแบบเทริดขนนก สมัยละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน  ซึ่งประเมินค่ามิได้ ท่านมีชื่อว่า พระพุทธเทวฤทธิ์ " ท่านอาจารย์ชาสรุปปิดท้าย

ถ้าผู้ขุดไม่ได้หลอกผู้เขียน ราคาปัจจุบันก็น่าจะอยู่ที่นิ้วละแสน



ใต้ฐานพระครับ...




หวังว่าครานี้คงจุใจทุกท่านที่เฝ้ารอคอย

ดูแล้วบอกต่อให้เพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้ดู

มาดูกันด้วยนะครับ......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น